หากกล่าวถึงคำว่ารถไฟฟ้า ทุกคนคงจะมีภาพขึ้นมาในหัวเป็นรูปแบบยานพาหนะที่หลากหลาย ตั้งแต่รถที่มีจำนวนสองล้อ รถสามล้อ รถสี่ล้อ ไปจนถึงรถที่ขนาดใหญ่กว่าคือรถไฟฟ้าที่วิ่งบนราง และในรูปแบบของรถแต่ละล้อ ก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไปอีกเช่นกัน เช่น มีหลังคา ไม่มีหลังคา มีกระบะพ่วงท้ายหรือไม่ หรือว่านำมาดัดแปลงตกแต่งเป็นแบบใดก็ตาม ต่างก็มีให้เห็นกันอย่างมากมาย และโดยรวมต่างก็เรียกว่าเป็นรถไฟฟ้าด้วยกันทั้งสิน แต่สำหรับคำว่า รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ รถชนิดนี้เป็นรถที่ถูกผลิตออกมาโดยมีลักษณะภายนอกที่ดูเหมือนกับรถกอล์ฟ ลักษณะของตัวรถ ขนาด และรูปทรงก็เหมือนกับรถกอล์ฟทั่วๆ ไป โดยรถชนิดนี้จะประกอบไปด้วย ที่นั่งสำหรับคนขับและที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร วิธีการขับรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกับการขับรถกอล์ฟ แต่สิ่งที่แตกต่างออกไป หรือมีขึ้นมาเพิ่มเติมในรถไฟฟ้าเอนกประสงค์คือส่วนกระบะที่อยู่ทางด้านหลังของรถ มีไว้สำหรับใช้บรรทุกสินค้า สิ่งของ ผลิตผลทางการเกษตรไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะจากร้านค้าไปบ้าน จากสวนหรือโรงงานไปร้านค้า ด้วยเหตุที่ว่าสามารถขนของได้หลากหลาย ปรับการใช้งานได้ตามลักษณะของงาน จึงเป็นที่มาของการได้ชื่อว่าเป็น รถไฟฟ้าอเนกประสงค์นั่นเอง
สำหรับข้อดีของรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ คือรถชนิดนี้จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเครื่องยนต์ทั้งหมด ซึ่งทำให้ในระหว่างการขับรถนั้นเงียบเพราะไม่มีเสียงการเร่งเครื่องยนต์ แถมยังนิ่ม หรือไม่มีอาการกระชากในการเปลี่ยนเกียร์ และออกตัว นอกจากนี้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งต่างจากใช้น้ำมันที่ต้องเกิดการเผาไหม้ ทำให้ไม่เกิดผลพิษทางอากาศ จึงทำให้เป็นที่นิยม ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงก็ตาม
สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น การขายรถไฟฟ้าอเนกประสงค์นั้น จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของรถ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่ารถมีหลายประเภท ตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงรถขนาดใหญ่ ตั้งแต่สี่ล้อไปจนถึงหลายๆ ล้อมีหลังคาบ้าง ไม่มีหลังคาบ้าง ด้วยรายละเอียดมากมายทำให้รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ราคาสูงต่ำแตกต่างกันออกไป ซึ่งสำหรับรถไฟฟ้าสี่ล้อ รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท เป็นราคาเริ่มต้น และถ้าหากมีหลังคา มีรายละเอียดปลีกย่อยใดๆ ก็จะทำให้รถมีราคาสูงขึ้น ส่วนรถไฟฟ้าที่มีจำนวนล้อมากถึง 20 ล้อ อาจจะมีราคาสูงไปจนถึงเกินคันละหนึ่งล้านบาทได้เลยทีเดียว